สิ่งที่สำคัญเลยก็คือการที่ศาลชั้นต้นได้มีการพิพากษาออกไปแล้ว แต่อาจเกิดความไม่พอใจจึงอาจมีการอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นต่อศาลอุทธรณ์ได้ใหม่ แล้วเมื่อได้มีการพิพากษาต่อแต่ก็ยังไม่พอใจก็อาจจะไปถึงชั้นฎีกา เป็นการพิพากษาอุทธรณ์ต่อฎีกาได้ทุกอย่างมันสามารถหยิบยกขึ้นมาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงซึ่งถ้าว่ากันด้วยหลักกฎหมายแล้ว เราก็ว่าจะมีข้อเท็จจริงที่กล่าวไว้ว่าไม่มีข้อห้ามในการอุทธรณ์ฎีกาแต่มีการจำกัดสิทธิ์ซึ่งแต่ละในชั้นศาลก็จำเป็นที่จะต้องมีค่าใช้จ่าย ซึ่งต้องบอกเลยว่าในแต่ละชั้นศาลนั้นจำเป็นที่ต้องใช้เงินในกรณีอุทธรณ์มากกว่า 50,000 บาทหรืออาจจะทะลุ 2 แสนบาทเลยก็ได้ซึ่งมันก็อยู่ที่ปัญหา ซึ่งจะต้องบอกเลยว่าคู่ความจำเป็นที่จะต้องมีการอุทธรณ์ฎีกาต่อชั้นศาลชั้นต้นภายใน 1 เดือนเท่านั้นนับตั้งแต่อ่านคำพิพากษาชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์